รีวิว : Edifier WH950NB ตัดเสียงเทพ สวมใส่สบาย คุณภาพเกินงบ

[จ่ายครบจบ] สำหรับใครที่เป็นสายครอบหูหรือ Over-Ear ที่สะดวกต่อการสวมใส่ได้ทุกเวลา เวลาไม่ได้ใช้ก็วางคล้องคอแบบเท่ ๆ และเต็มอิ่มกับคุณภาพเสียง ฟีเจอร์ตัดเสียง พร้อมแบตฯ ที่ใช้ได้นานเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม หูฟังประเภทนี้มักมีราคาสูง แต่สำหรับ Edifier WH950NB หูฟัง Over-Ear ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน คุณภาพทุกฟีเจอร์ ในงบไม่เกินหมื่นบาท…หรือไม่เกิน 4 พันบาทด้วยซ้ำ

รีวิวนี้พบกับ Edifier WH950NB (2025) หูฟัง Over-Ear รุ่นอัปเกรดใหม่จากแบรนด์ Edifier มาพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (ANC) ขั้นเทพ ที่อัปเกรดจนตัดได้ถึง -49dB ปรับได้ 8 ระดับ กับรองรับ LDAC ให้เสียงคุณภาพสูงผ่าน Bluetooth 5.4 (จากเดิม 5.3) เพิ่มความจุแบตฯ เป็น 80 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC) และยังสวมใส่สบายกับพับเก็บได้ง่าย โดยยังมาพร้อมราคาที่คุ้มค่าเหมือนเคย

ฟีเจอร์เด่น Edifier WH950NB (2025)

ระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด

  • ระบบตัดเสียงรบกวนที่อัปเกรดให้ความลึกของ ANC สูงสุดถึง -49dB ช่วยตัดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการ
  • ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนได้ 8 ระดับ / โหมดเสียงรอบข้าง / โหมดลดเสียงลม

เสียงที่ดื่มด่ำ

  • ไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 40mm พร้อมไดอะแฟรมคอมโพสิตเคลือบไทเทเนียม
  • รองรับการรับรอง Hi-Res Audio Wireless, ตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC/SBC

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน

  • เพลิดเพลินกับการเล่นต่อเนื่องประมาณ 80 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC
  • รองรับการชาร์จเร็ว

เสียงสนทนาชัดเจน

  • ไมโครโฟน 2+2 ตัว + อัลกอริทึม AI ระบุเสียงและกรองเสียงรบกวนรอบข้าง มั่นใจได้ถึงการโทรแบบแฮนด์ฟรีที่คมชัด

คุณสมบัติ Bluetooth

  • Bluetooth V5.4 เพื่อการสตรีมเสียงที่ราบรื่นและการเชื่อมต่อที่เสถียร
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบหลายจุด ช่วยให้สลับระหว่างเพลง วิดีโอ และการโทรบนอุปกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกันได้ทันที

ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ที่อัปเกรด

  • หนังที่นุ่มสบายผิวทำให้ฟองน้ำรองหูฟังนุ่มเป็นพิเศษ สวมใส่สบายตลอดวัน
  • ดีไซน์ที่คาดศีรษะทำจากเหล็ก ช่วยให้สวมใส่ได้มั่นคงยิ่งขึ้น
  • ดีไซน์พับได้พร้อมกระเป๋าใส่สำหรับเดินทางเพื่อความสะดวกในการพกพา

ใช้งานง่าย

  • ปุ่มซิลิโคนเพื่อการควบคุมที่ง่ายดาย
  • รองรับแอป EDIFIER ConneX สำหรับฟังก์ชันเพิ่มเติม: ปรับแต่งการตั้งค่าการควบคุม เลือก EQ ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า และอื่นๆ

อินพุตหลายช่อง

  • Bluetooth, 3.5mm AUX

แกะกล่อง

ในกล่องก็มาพร้อม Carring Case สุดเท่ ใช้เก็บตัวหูฟัง Edifier WH950NB ได้พอดิบพอดี ส่วนภายในก็ยังมีสาย 3.5mm Audio Cable กับ  Type-c USB Charging Cable และ Airplane Headphones Adapter ให้ด้วย

งานออกแบบ

ตัว Edifier WH950NB รุ่น 2025 ยังคงมาพร้อมงานออกแบบหรือดีไซน์เรียบหรูเหมือนเคย โดยมาพร้อมสีดำล้วนทั้งตัว (มีสีขาวให้เลือกด้วยนะ) และยังคงดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ ทั้งครอบคลุมทั้งส่วนที่คาดศีรษะกับฟองน้ำรองหูฟัง ช่วยให้สวมใส่ได้เป็นเวลานาน โดยไม่รู้สึกอึดอัดมากนัก

ในส่วนที่คาดศีรษะ ก็ใช้วัสดุเป็นเหล็กมาเลย ทำให้มีความทนทานแข็งแรงมาก แต่น้ำหนักยังเบาอยู่นะ

ถามว่าเบาแค่ไหน ? ตัว Edifier WH950NB (2025) ก็มีน้ำหนักรวมเพียง 326 กรัมเท่านั้นเลย

ในส่วนฝาครอบหู ก็ใช้ฟองน้ำรองหูฟังนุ่มเป็นพิเศษ นุ่มจนแอบกังวลว่ามันจะขาดง่าย ๆ เลย แต่ลองใส่ให้โดนเหงื่อกัดเป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์ มีใส่ออกกำลังกายด้วยอีก ก็ไม่มีสัญญาณว่ามันจะขาดยุ่ยแต่อย่างใด…แต่ก็มีทำความสะอาดฟองน้ำหูฟังอยู่นะ ถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ คงไม่ดีแน่

อย่างไรก็ตาม ตัวหูฟัง Edifier WH950NB ไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายเท่าไรนัก ในที่นี้ใส่เพื่อทดสอบเสียง กับระบบตัดเสียง และความทนทานเท่านั้น

ส่วนข้อต่อก็ออกแบบให้พับใส่กระเป๋าหรือ Carring Case ได้ง่าย ๆ เลย คือไม่ต้องพับอะไรมาก หักส่วนฝาครอบฝั่งเดียว ก็ยัดใส่ Carring Case ได้ทันที

สำหรับการเชื่อมต่อนั้น ก็เลือกได้ระหว่างต่อสาย 3.5 mm หรือเชื่อมต่อ Bluetooth V5.4 ก็ได้ ทั้งนี้ตัวหูฟังยังออกแบบให้กดปุ่มควบคุมได้สะดวกมาก คือไม่มีปุ่มอะไรเยอะ หลัก ๆ ก็มีแค่ 3 ปุ่มหลัก ๆ ทั้งกดเพิ่ม/ลดเสียง หรือเปลี่ยนเพลง กับกด Play/Pause หรือกดรับสายวางสายได้ ส่วนปุ่มที่มีสัญลักษณ์ Bluetooth นั้น ก็ใช้เชื่อมต่อหูฟังหรือเปิด/ปิดฟีเจอร์ตัดเสียง ANC ได้ กับปรับโหมดใช้งานก็ได้เช่นกัน

อนึ่ง ตัวปุ่ม Play/Pause หรือกดรับสายวางสายน้น ก็มีติ่งหรือส่วนซิลิโคนเล็ก ๆ ยื่นออกมา ทำให้สัมผัสแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นปุ่มอะไร ไม่ต้องคลำหาเอาเองตอนสวมใส่หูฟัง

ระบบตัดเสียงรบกวน [อัปเกรด]

จุดขายสำคัญของ Edifier WH950NB (2025) คือตัวระบบตัดเสียงรบกวนแบบใหม่นี้เลย โดยอัปเกรดด้วย AI ทำงานร่วมกับไมโครโฟนประสิทธิภาพสูง 4 ตัว ช่วยขจัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถปรับได้ 8 ระดับ แน่นอนว่ารีวิวนี้ต้องลอง ANC ระดับสูงสุด

ซึ่งเอาไปเทสในฟิสเนสที่อุดมไปด้วยเสียงรบกวนเพียบ ทั้งคนมาออกกำลังกายเป็นกลุ่ม กับเสียงเหล็จากเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ จดนี้ตัวหูฟังก็สามารถตัดเสียงเหล่านั้นได้เกือบหมดเลย ทำให้มีสมาธิในการออกกำลังกายขึ้นมาก และดื่มด่ำกับเพลงโปรดได้มากกว่าเดิม…แต่ก็ยืนยันอีกครั้งว่าตัวหูฟังไม่เหมาะใส่ออกกำลังกาย เพราะตัวหูฟังไม่มีมาตรฐานการกันน้ำกันผุ่น IP6X เหมือนพวกหูฟังเฉพาะ 

EDIFIER ConneX

ส่วนการปรับค่า ANC ก็สามารถทำได้ผ่านแอปฯ EDIFIER ConneX ที่สามารถปรับระดับการตัดเสียง หรือปรับเป็น Ambient Sound Mode ไว้ฟังเสียงรอบข้างหรือลดเสียงรบกวนจากลมขณะคุยสายก็ยังได้

นอกจากส่วน ANC แล้ว ในแอปฯ ก็สามารถปรับโหมดการใช้งานของตัวหูฟังได้ด้วย โดยมีให้เลือกทั้ง Music Mode เน้นฟังเพลงเป็นหลัก กับ Game Mode ปรับให้ Latency ให้อยู่ระดับ Ultra Low เพื่อให้เสียงตรงกับการเคลื่อนไหวในเกมมากที่สุด สุดท้ายก็มี Spatial Sound ที่อยู่ปรับให้เสียงแสดงผลรอบทิศทาง (ระดับโรงหนังเลย) ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการดูหนังมากขึ้น

สุดท้ายก็มีการปรับ EQ ของตัวหูฟัง ที่ปรับได้ละเอียดทีเดียว โดยไม่ต้องเพิ่งการปรับส่วนนี้จากแอปฯ ฟังเพลงเฉพาะเลย

ทดสอบเสียง

ตามสเปกเด่นของ Edifier WH950NB (2025) ก็มาพร้อมทั้ง ไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 40mm พร้อม ไดอะแฟรมคอมโพสิตเคลือบไทเทเนียม ช่วยมอบทั้งเสียงเบสที่นุ่มลึก เสียงกลางที่หนักแน่น เสียงต่ำที่ทรงพลัง และเสียงสูงที่สดใส ซึ่งสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ กับมีการรองรับ รหัสเสียงความละเอียดสูง LDAC รับรองคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ทั้งในโหมดใช้สายและไร้สาย ด้วยการตอบสนองความถี่ที่ขยายได้สูงสุดถึง 40kHz มอบคุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับระดับสตูดิโอ

จากข้างต้นก็คงบอกได้ว่าตัว Edifier WH950NB (2025) เป็นหูฟังที่เหมาะกับเพลงทุกแนว และคุณภาพใกล้เคียงสตูดิโอ ซึ่งจะจริงไหม ลองมาดูผลทดสอบกัน

ประเดิมด้วยเพลง ‘No Ordinary Love’ ของ Sade ลองฟังเสียงร้องแบบเน้น ๆ ของศิลปินนีโอโซลระดับตำนาน ตัวหูฟังก็สามารถถ่ายทอดทั้งเสียงร้องและดนตรีต่าง ๆ ได้ดีทีเดียว แม้ไม่ถึงขั้นหูฟัง Over-Ear ตัว Top ราคาหลักหมื่น แต่ก็เรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอตัว Top แล้ว

ต่อไปลองฟังเพลง ‘Fatal’ จาก GEMN เพลงแนว J-Pop ประกอบอนิเมะเรื่อง Oshi no Ko ที่มีเสียงดนตรีในเพลงหลากหลายมาก กับมีเสียงนักร้องสองคน ตัวหูฟังก็สามารถถ่ายทอดเสียงได้ครบ ขับเสียงร้องกับเสียงแหลมได้ชัด แต่เสียงเบสนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ได้กระแทกหูมากนัก ส่วนนี้ต้องไปปรับ EQ ช่วยเอา

สุดท้ายลองเพลงยอดฮิตอย่าง Soda Pop ที่ Pop สมชื่อเลย โดยเป็นเพลงแนว K-Pop จ๋า ๆ ที่เน้นจังหวะดนตรี ตัวหูฟังก็ถ่ายทอดจังหวะได้ครบ ฟังแล้วอยากยกไหล่ตาม

เอาจริง ๆ ตัว Edifier WH950NB รุ่น 2025 นี้ มีแนวเสียงแทบไม่ต่างจากรุ่นแรกเลย เพิ่มเติมคือแบตฯ ที่ฟังได้นานถึง 80 ชั่วโมง ถ้าเปิด ANC ก็อยู่ได้ 45 ชั่วโมง กับระบบตัดเสียงที่ดีขึ้น มีชาร์จไวแล้ว ระดับที่ชาร์จเพียง 15 นาที ก็ใช้งานต่อได้ถึง 13 ชั่วโมง และสุดท้ายคือ Bluetooth 5.4 เวอร์ชั่นใหม่นี้เอง

สรุป

ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนในทีเดียวสำหรับ Edifier WH950NB (2025) ที่เพิ่มความจุแบตฯ เยอะขึ้นมาก และใช้ Bluetooth 5.4 แล้ว พร้อมปรับปรุงระบบตัดเสียงรบกวนให้ดีขึ้นมาอีกระดับ สำหรับใครที่เพิ่งรู้จักตัวหูฟังนี้ ก็ต้องบอกเลยว่า Edifier WH950NB เป็นหูฟังคุณภาพเกินราคา ด้วยค่าตัวเพียง 3,790 บาท ใช่ครับฟังไม่ผิด ราคาแค่นี้เลย แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเคียงกับหูฟังตัว Top ได้หลายรุ่น

อย่างไรก็ตาม ตัวหูฟังไม่ได้มีพวกฟีเจอร์ล้ำ ๆ เหมือนพวกหูฟังที่มีราคา เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ ระบบเสียงตามตำแหน่งแบบไดนามิก และระบบตัดเสียงแบบ Adaptive ที่ตัดเสียงรบกวนได้โดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม เรียกได้ว่าตัว Edifier WH950NB (2025) พัฒนามาเพื่อคนที่ต้องการฟังเพลงจริง ๆ มีระบบตัดเสียงที่ใช้งานได้นาน ๆ และราคาจับต้องได้หรือสมเหตุสมผล Edifier รุ่นนี้คือคำตอบเลยครับ

Shops
แชร์ :
review
  • วัสดุ / การออกแบบ
  • สเปค / ฟีเจอร์
  • ราคา / ความคุ้มค่า
Comments Rating 0 (0 reviews)

Leave a Reply

User Review
  • วัสดุ / การออกแบบ
    Sending
  • สเปค / ฟีเจอร์
    Sending
  • ราคา / ความคุ้มค่า
    Sending

Follow us
Most popular
Category
Tag

Relate Article