รีวิว : ASUS ROG Azoth X อัปเกรดใหม่ คียบอร์ดไร้พ่าย

[อัปเกรดใหม่] จาก Mechanical สู่ Custom Keyboard ที่ยังคงความเป็น Mechanical หรือมีกลไก แต่กลไกที่ว่ามันล้ำขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และปรับแต่งเองได้แล้ว ทางด้าน ASUS ก็เข้าสู่ตลาด Custom Keyboard ด้วย ROG Azoth คียบอร์ดตัว Top ที่ Custom ปรับเปลี่ยนสวิตช์ได้ และยังคงกลิ่นอายความเป็น ROG เต็มสูบ

ล่าสุดทาง ASUS ได้เปิดตัว ROG Azoth X ที่สุดของ Custom Keyboard ที่อัปเกรดใหม่ ให้ตัวคียบอร์ดมีน้ำหนักเบาขึ้น พรีเมี่ยมขึ้น ดูหล่อขึ้น และให้ประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ในรีวิวนี้ยังได้ชุดเกมมิ่งเกียร์รุ่นใหม่จาก ROG มาใช้งานควบคู่กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมาส์ ROG Harpe II Ace แผ่นรองเมาส์ ROG Scabbard II Arctic Gray XXL และหูฟัง ROG Pelta ที่ทั้งหมดมาในร่างสีขาวล้วน เอาใจคนประกอบคอมสีขาว (หรือไม่ขาวแต่อยากได้สีตัด) โดยเฉพาะ

ฟีเจอร์เด่น ASUS ROG Azoth X

  • คีย์แคป ROG ธีม Stellar : คีย์แคปที่ผ่านการย้อมพิเศษเป็นแบบโปร่งแสงบางส่วน ช่วยให้แสง RGB ผ่านได้ทั้งสามด้านเพื่อความสวยงามที่โดดเด่น
  • PCB หันไปทางทิศใต้ : ปรับให้เหมาะสมสำหรับความเข้ากันได้และการปรับแต่งคีย์แคป ช่วยให้สามารถตั้งค่าส่วนตัวด้วยคีย์แคปที่กำหนดเองและเอฟเฟกต์แสงขั้นสูง
  • แผ่นวางตำแหน่ง FR4 :  ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและเสียงการพิมพ์ที่คมชัดและมีระดับเสียงต่ำ
  • ที่พักข้อมือซิลิโคน : การออกแบบที่ขยายออกช่วยให้การพิมพ์สะดวกสบายในขณะที่ยังคงรองรับอย่างมั่นคงในระยะยาว
  • จอแสดงผล OLED : แสดงข้อมูลระบบและตัวบ่งชี้การตั้งค่าต่างๆ พร้อมปุ่มปรับสามทางเพื่อควบคุมการตั้งค่าแป้นพิมพ์ต่างๆ อย่างใช้งานง่าย
  • สวิตช์ ROG NX V2 แบบ Hot-swappable : รองรับโปรไฟล์คีย์แคปเพิ่มเติมและมอบเสียงที่นุ่มนวลขึ้นและสัมผัสการพิมพ์ที่ประณีตยิ่งขึ้น
  • Keyboard Mounting : ซิลิโคนหนึ่งชั้นและชั้น PORON® สี่ชั้นช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนและสลับเสียงปิงเพื่อคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม
  • การเชื่อมต่อแบบสามโหมด : เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth® (ต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้สูงสุดสามเครื่อง) 2.4 GHz พร้อมเทคโนโลยีไร้สาย ROG SpeedNova หรือ USB แบบมีสาย

ฟีเจอร์เด่น ASUS ROG Harpe II Ace

  • ออกแบบโดยมืออาชีพด้านอีสปอร์ต : ออกแบบร่วมกับมืออาชีพด้านอีสปอร์ตระดับโลก มีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้สามารถปัดนิ้วและปัดอย่างรวดเร็วเพื่อความแม่นยำสูงสุดในทุกครั้งที่เล่น
  • การออกแบบน้ำหนักเบาพิเศษ 48 กรัม : สร้างขึ้นด้วยวัสดุไนลอนชีวภาพที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานต่อแรงกระแทก
  • เซ็นเซอร์ออปติคัล ROG AimPoint Pro : เซ็นเซอร์ออปติคัล 42,000 dpi พร้อมเทคโนโลยีติดตามบนกระจก
  • ไมโครสวิตช์ออปติคอล ROG : การทำงานที่คมชัด ทันที และอายุการใช้งานคลิก 100 ล้านครั้ง
  • เทคโนโลยีไร้สาย ROG SpeedNova 8K : สัมผัสกับความแม่นยำและความน่าเชื่อถือสูงสุดที่อัตราการสำรวจสูงสุด 8KHz ด้วยเทคโนโลยีไร้สาย ROG SpeedNova 8K
  • โหมดโซน : ตัดตรงสู่ประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ระดับสูงสุดที่เหมาะสมที่สุด ปรับแต่งตามมาตรฐานของคุณ
  • การกำหนดค่าบนเว็บ : กำหนดค่าและปรับแต่งอุปกรณ์ของคุณโดยตรงบนเบราว์เซอร์ผ่าน Gear Link
  • ฐานเมาส์ PTFE 100% ขนาดใหญ่ : ฐานเมาส์ที่กว้างและลดแรงเสียดทานพร้อมขอบโค้งมน ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว
  • การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น : การเชื่อมต่อสามโหมดด้วย RF 2.4 GHz, Bluetooth และ USB แบบมีสาย
  • สีให้เลือก : สีดำและสีขาวแสงจันทร์

ฟีเจอร์เด่น ASUS ROG Pelta

  • การเชื่อมต่อแบบ Tri-Mode ด้วยเทคโนโลยี SpeedNova : เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ®หรือ 2.4 GHz ที่มีความหน่วงต่ำเป็นพิเศษด้วยเทคโนโลยีไร้สาย ROG SpeedNova รวมถึงการเชื่อมต่อแบบใช้สาย USB-C ®
  • ไดรเวอร์ไดอะแฟรมเคลือบไททาเนียม ROG ขนาด 50 มม. : ไดรเวอร์เฉพาะ ROG รับประกันเสียงที่อิ่มและละเอียดด้วยการตอบสนองความถี่กว้าง 20 Hz–20 kHz
  • ไมโครโฟนบูมแบบ Super-Wideband ขนาด 10 มม. : ครอบคลุมช่วงความถี่กว้างเพื่อรับประกันเสียงที่คมชัดและมีรายละเอียดแม้ในระหว่างการสื่อสารที่เข้มข้น
  • การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ น้ำหนักเบา : มีน้ำหนักเพียง 309 กรัม พร้อมแถบคาดศีรษะแบบยืดหยุ่นปรับได้ 3 ระดับ ช่วยลดแรงกดทับและเพิ่มความสบาย
  • การควบคุมที่ใช้งานง่าย : ปุ่มที่ใช้งานง่ายและสวิตช์โยกที่ทนทานช่วยให้ควบคุมระดับเสียง ปิดเสียงไมโครโฟน และเปิด/ปิดเครื่องได้ทันที
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหนือชั้นและการชาร์จเร็ว : เพลิดเพลินกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 70 ชั่วโมง* ในโหมด 2.4 GHz พร้อมการชาร์จเร็ว 15 นาที ให้การใช้งานนานถึง 3 ชั่วโมง
  • ความเข้ากันได้หลายแพลตฟอร์ม : เข้ากันได้กับพีซี, Mac, Nintendo Switch™, PlayStation ® 4 และ 5 และอุปกรณ์พกพา

ฟีเจอร์เด่น ASUS ROG Scabbard II Arctic Gray XXL

  • พื้นผิวผ้าที่นุ่มนวล : ปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เลื่อนเมาส์ได้อย่างราบรื่น
  • การเคลือบป้องกันสามชั้น : ให้พื้นผิวป้องกันน้ำ น้ำมัน และฝุ่น ทำความสะอาดและบำรุงรักษาง่าย
  • ขอบเย็บเรียบป้องกันการหลุดรุ่ย : ช่วยให้สวมใส่สบายพร้อมทั้งเพิ่มความทนทานและให้รูปลักษณ์ที่สวยงาม
  • ขนาดโต๊ะสำหรับการปัดที่กว้างขึ้น : ขนาดขยาย 900 x 400 มม. ให้พื้นที่ในการขยับมากขึ้น

แกะกล่อง

ประเดิมด้วยกล่อง ROG Azoth X ที่แค่กล่องก็บอกยี่ห้อแบรนด์ ROG มาแต่ไกล โดยยังสีแดงตัดขอบและสีดำเป็นเอกลักษณ์ เมื่อแกะกล่องหนึ่ง ก็จะเจออีกกล่องพร้อมโลโก้ที่คุ้นตาเช่นเคย

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่อง นอกจากตัวคียบอร์ด ROG Azoth X ก็มาพร้อมสายเชื่อมต่อ USB C to USB A cable (2m) กับ USB dongle พร้อมตัวช่วยขยายสัญญาณ RF 2.4GHz ถัดมาก็มีชุด Custom คียบอร์ดทั้งตัวแกะ (Puller) สวิสต์กับคีย์แคป แถมมีสวิสต์ ROG NX V2 แถมให้สำรอง 3 ตัวด้วย อีกตัวที่เป็นของเด็ดเลยก็มี Wrist rest หรือที่รองข้อมือคีย์บอร์ด สุดท้ายก็มี ROG sticker กับชุดคู่มือ/ใบรับประกันและ ROG thank you card

รวมชุด ROG เกมมิ่งเกียร์ที่รอบนี้มาพร้อมธีมสีขาว อาทิ ASUS ROG Azoth X , ASUS ROG Harpe II Ace , ASUS ROG Pelta  และ ASUS ROG Scabbard II Arctic Gray XXL

งานออกแบบ

ROG Azoth X กับที่รองข้อมือในชุด

Keycab ROG Stellar

พรีเมี่ยมยังไง ? ก็ลองดูจุดสังเกตแรกอย่างคีย์แคป (Keycab) หรือมีชื่อสวย ๆ ว่า “ Stellar” ซึ่งมีการออกแบบให้โปร่งแสงแต่ยังทนทานไม่ลอกออกง่าย ๆ อนึ่งหากตัวคียบอร์ดไม่ได้เปิดไฟ RGB ตัวคีย์แคปจะมีสีเข้มแบบที่นึกไม่ถึงว่าโปร่งแสงได้เลย

สวิตช์ ROG NX V2

ถัดมาคือสวิตช์ ROG NX V2 ได้รุ่นที่ได้รีวิวคือ ROG NX Storm ที่ให้สัมผัสการกดแบบ Clicky (คล้าย Blue Switch) ที่ทาง ROG ชูโรงเลยว่า “มอบการกดแป้นสัมผัสที่รวดเร็วและราบรื่นพร้อมความเสถียรที่ยอดเยี่ยม” 

จากที่ลองก็บอกได้เลยว่า ให้เสียงแบบ Blue Switch แต่นุ่มกว่า และให้สัมผัสการกดที่มั่นคงมาก (แรงกดรวม 65gf เลยนะ) เหมาะกับเกมเมอร์สาย FPS สุด ๆ อนึ่งด้วยความเป็นคียบอร์ด Custom ก็สามารถถอด Hot-Swappable เปลี่ยนตัวสวิตช์ (ของเดิมก็เทพแล้วว) หรือหาคีย์แคปตัวอื่นมาใส่หรือแต่งเพิ่มเติมได้ 

Keyboard Mounting 

ถัดมาคือชั้น Mounting ที่ “หนาแน่น” สุด ๆ เลย เห็นบางแบบนี้ แต่ภายในมีทั้งชั้นฝาครอบด้านบนแบบอลูมิเนียม CNC ถัดมาก็มีปะเก็นยางซิลิโคนรอบ ๆ ช่วยรองรับแรงกดให้นุ่มสบาย ลดแรงสั่นสะเทือนได้ดี ซึ่งเชื่อมติดกับแผ่นเพลท FR4 ที่ใช้วัสดุแบบเดียวกับแผง PCB แต่แข็งกว่าพลาสติก และให้เสียงกดที่เป็นเอกลักษณ์

สัมผัสการพิมพ์

เอกลักษณ์ยังไง ? ก็ลองฟังเสียงกดตัว ROG Azoth X รุ่น ROG NX Storm Clicky ดูได้เลย ลองเทียบเสียงกดตอนพิมพ์งานกับเล่นเกมว่าต่างกันไหม พร้อมใช้การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน 2.4GHz เพื่อดูการตอบสนองด้วย

ทดสอบเล่นเกม fps เสียงปุ่มกดลั่นพอตัว ส่วนเรื่องการตอบสนองทั้งตัวปุ่มกดและการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ก็ต้องบอกเลยว่า “ลื่นไหล” ไม่มีติดขัดสัญญาณหายหรือปัญหาอะไรทั้งนั้น

ลองทดสอบพิมพ์งาน เสียงคือเด่นสุด ๆ ไม่แนะนำให้เอาไปใช้ที่ออฟฟิศหรือที่สาธารณะจะดีกว่า ไม่งั้นโดน “ทัก” แน่ แต่ใช้อยู่บ้านในห้องส่วนตัว มันก็คือความ Fin ส่วนตัวเลย

อนึ่งตัวคียบอร์ดมีโหมดพิเศษอย่าง Speed ​​Tap ด้วย ซึ่งจะให้ความสำคัญกับคำสั่งล่าสุด และจะปล่อยคำสั่งก่อนหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อกดปุ่มสองปุ่ม หมายความว่าในเกม FPS การกดปุ่มทิศทางตรงข้ามกันสองปุ่ม (เช่น A และ D) จะไม่ทำให้ตัวละครในเกมหยุดเคลื่อนไหวอีกต่อไป แต่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ทันทีโดยไม่ต้องปล่อยปุ่มก่อนหน้า ช่วยลดช่องว่างเวลาในการตอบโต้การเคลื่อนที่ และมั่นใจได้ถึงความแม่นยำในการเล็งทุกครั้ง

จอแสดงผล OLED

อีกหนึ่งจุดเด่นของตัว ROG Azoth X ก็คือจอ OLED ที่มุมบนขวามือเลย โดยมาพร้อมเอฟเฟคที่ปรับแต่งได้หลายแบบ และใช้เป็นหน้า UI บอกสถานะตัวคียบอร์ดก็ได้เช่นกัน

และปุ่ม Knop ด้านข้าง ก็ใช้ควบคุมได้ทั้งตัวคียบอร์ด เช่น ปรับแต่งความสว่าง เปลี่ยนเอฟเฟคไฟ RGB หรือใช้เพิ่ม/ลดเสียงของ PC ที่ใช้ก็ยังได้

ขาตั้งปรับได้ 3 ระดับ

ตัว ROG Azoth X มาพร้อมขาตั้งด้วย โดยปรับได้ 3 ระดับ ช่วยยกตัวคียบอร์ดจากเดิมที่ยกไว้ 7 องศา ให้เข้าใกล้มือได้มากขึ้น

การเชื่อมต่อ

ในตอนทดสอบเล่นเกมแล้วบอกว่ามันลื่นไหลนั้น ส่วนหนึ่งก็มาพร้อมเทคโนโลยีเฉพาะของทาง ASUS อย่าง ROG SpeedNova ที่เผยเลยว่า “มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เสถียร ” อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 1,600 ชั่วโมง โดยแทบไม่มีการสะดุด แทบไม่มีความล่าช้า โดยเฉพาะในโหมด RF 2.4 GHz (ปิดโหมด RGB และ OLED)

หรือจะใช้โหมด Bluetooth ที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงสุด 3 เครื่องพร้อมกัน ไม่ก็ใช้โหมด USB แบบมีสายก็ได้ เพื่อเสียบชารจ์ไฟหรือใช้งานแบบต่อเนื่องตามแต่ถนัด อนึ่งตัวแบตฯ หากใช้งานแบบปิดไฟ RGB กับหน้าจอ OLED จะสามารถใช้งานได้นานถึง 1,600 ชั่วโมงกันเลย อานิสงส์จาก ROG SpeedNova

การตั้งค่า Armoury Crate

หากใครเป็นแฟน ASUS ROG และใช้อุปกรณ์ ROG หลาย ๆ ตัวใน PC เครื่องเดียว ก็สามารถใช้โปรแกรม Armoury Crate ช่วยตั้งค่าอุปกรณ์ทั้งหมดในที่เดียวได้เลย เหมือนอย่างรีวิวนี้ที่มีทั้ง ROG Azoth X , ROG Harpe II Ace , ROG Pelta และเมนบอร์ด ROG Strix Z790-H ที่ทุกอุปกรณ์มาปรากฏใน Armoury Crate ตามภาพ

หากอุปกรณ์มีไฟ RGB ด้วย ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Aura Sync ของ ASUS ช่วยปรับไฟ RGB ของทุกอุปกรณ์ได้ทันที ไม่ต้องมาไล่ปรับทีละตัวให้เหนื่อยเลย

สำหรับตัว ROG Azoth X ก็สามารถปรับแต่งได้หลายอย่างมาก ทั้งตัวปุ่มกด ปุ่มลัด ตั้งค่า Speed ​​Tap ตั้งค่าการแสดงผลจอ OLED ปรับแต่งไฟ RGB และตั้งค่าการใช้พลังงานจากแบตฯ

ASUS ROG Harpe II Ace

สำหรับใครที่กำลังมองหาเมาส์มาใช้คู่กับ ROG Azoth X ในรีวิวนี้ก็ขอแนะนำ ASUS ROG Harpe II Ace ตัวนี้เลย โดยเป็นเมาส์เกมมิ่งน้ำหนักเบาพิเศษเพียง 48 กรัม (ลดลงจากรุ่นก่อนถึง 11%) ลองมีการออกแบบกึ่งสมมาตร ตามที่นักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพต้องการเลย ซึ่งใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา

ทั้งนี้ตัวเมาส์มีการเคลือบผิวให้จัดการเหงื่อและความมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้จับได้กระชับมือไม่ลื่น ดีงามสำหรับคนที่เล่นเกมเป็นเวลานานเลย

ด้านสเปกภายใน ตัวเมาส์ก็มาพร้อมเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากมืออาชีพมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ออปติคัล ROG AimPoint Pro ความละเอียด 42,000 dpi ใครเป็นสายสะบัดเมาส์เร็ว ๆ ในเกม FPS บอกเลยว่าถูกใจแน่ (ลองเอาไปสะบัดในเกม CS2 มาแล้ว ก็สามารถลั่นหัวโปรเกมเมอร์ได้เลย) ถัดมาคือ ROG Optical ไมโครสวิตช์ออปติคอลเฉพาะของ ROG ที่มีอายุการใช้งานได้ถึง 100 ล้านคลิก และสุดท้าบ SpeedNova 8K ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไร้สายแบบ Polling 8,000Hz

ทั้งนี้ตัวเมาส์ ROG Harpe II Ace และตัวคียบอร์ด ROG Azoth X เอง ก็สามารถตั้งค่าได้ผ่านเว็บเบราเซอร์เลย หรือฟีเจอร์เฉพาะจาก ASUS อย่าง Gear Link ซึ่งก็ได้ลองใช้กับเมาส์ ROG Harpe II Ace ก็พบเลยว่า “Armoury Crate บนเว็บชัด ๆ” การตั้งค่าแทบไม่ต่างจาก Armoury Crate บน PC เลย เหมาะสำหรับใครที่ไม่อยากลง Armoury Crate ให้เปลืองพื้นที่ (แอบกินจริง ๆ นะ..) หรือเพิ่มความสะดวกของตนเอง

ASUS ROG Pelta

หูฟัง ROG Pelta ที่เหมือนสานต่อจาก Delta II ทำให้มีรูปทรงดูสมส่วนขึ้น กับมีน้ำหนักเบาเพียง 309 กรัม และการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ให้สวมใส่ได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกอึดอัดเลย

ตัวหูฟังก็มาพร้อมไดรเวอร์ลำโพงขนาด 50 มม โดยภายในมีไดอะแฟรมเคลือบไททาเนียม ที่รับประกันเสียงที่อิ่มและละเอียดด้วยการตอบสนองความถี่กว้างถึง 20 Hz–20 kHz และยังใช้งานได้นานถึง 70 ชั่วโมง (ในโหมด 2.4 GHz)

ทั้งนี้ตัวหูฟังยังรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง SpeedNova , Bluetooth และ 2.4 GHz เช่นเดียวกับคียบอร์ดและเมาส์ในรีวิวนี้เลย

หูฟัง ROG Pelta มาพร้อมไมค์โครโฟนบูมแบบ Super-Wideband ขนาด 10 มม. ที่ครอบคลุมช่วงความถี่กว้าง รับประกันเสียงที่คมชัดและมีรายละเอียด สามารถถอดแยกได้หากไม่ต้องการใช้

มีไฟ RGB (ตามพรบ.) สามารถปรับแต่งได้ 5 แบบ

ท้ายนี้ตัว ROG Pelta ก็สามารถปรับแต่ง EQ ของเสียงได้อย่างละเอียดเลย แน่นอนว่าตั้งค่าผ่าน Armoury Crate โดยบุคลิกเสียงของตัวหูฟัง ก็แน่นอนว่า “เบสนำ” ตามสไตล์หูฟังเกมมิ่ง ที่ช่วยให้เล่นเกม FPS ได้สะดวกขึ้น สามารถฟังฝีเท้าของศัตรูในเกมได้ชัดเจนเลย และยังแยกรายละเอียดของเสียงต่าง ๆ ได้ดีเช่นกัน ซึ่งสามารถปรับแต่งเสียงเหล่านั้นได้ตามต้องการ (หากไม่ชอบเสียงเบส)

ASUS ROG Scabbard II Arctic Gray XXL

มาถึงตัวสุดท้ายแล้วอย่าง ROG Scabbard II Arctic Gray XXL แผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่ 900 x 400 มม. ก็มาพร้อมสีเทา Arctic Gray พอเอาไปแต่งชุด ROG ขาวล้วนได้อยู่

ตัวแผ่นรองเมาส์ ROG Scabbard II ก็มาพร้อมพื้นผิวที่ผ่านการเคลือบป้องกันสามชั้น สามารถกันน้ำ น้ำมัน และฝุ่นได้ดีด้วย คือหากมีน้ำหยดใส่ มันจะไม่ซึมเข้าตัวพื้นผิวเหมือนแผ่นรองเมาส์ทั่วไปนั้นเอง ทั้งยังออกแบบให้มีพื้นผิวผ้าที่นุ่มนวล เพื่อให้เลื่อนเมาส์ได้อย่างราบรื่น

ทั้งนี้หากใช้เมาส์ ROG ก็สามารถ Calibration ปรับเซ็นเซอร์ตัวเมาส์ ให้ทำงานร่วมกับแผ่นรองเมาส์ ROG Scabbard II ได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถเลือกชื่อแผ่นรองเมาส์จาก ROG ที่ใช้งานอยู่ได้ หากไม่ต้องการ Calibration ใหม่

ROG Gaming Set

รวมเกมมิ่งเกียร์ขั้นเทพจาก ASUS ROG อาทิ ROG Azoth X , ROG Harpe II Ace , ROG Pelta และ ROG Scabbard II Arctic Gray XXL หากนำมาวางด้วยกัน ก็เพิ่มความหล่อได้แบบทวีคูณ

สรุป

สมกับรางวัล The Best Choice ในสาขา The Best Gaming Gears จากทาง Commart Thailand แล้วจริง ๆ ต้องยอมรับเลยว่า ASUS ROG คือแบรนด์อุปกรณ์เกมมิ่งที่มีความ “เอาจริงเอาจัง” อย่างมาก ทุกการออกแบบ ทุกฟีเจอร์ และทุกเอกลักษณ์ คือสิ่งที่ ASUS ตั้งใจพัฒนาอย่างแท้จริง

สำหรับตัว ROG Azoth X ก็เรียกได้เต็มปากว่า “คียบอร์ดไร้พ่าย” เป็นที่สุดของ Custom Keyboard ประจำปี 2025 ที่อัดฟีเจอร์ Custom ทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว แม้รอบนี้จะเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกเป็นพลาสติกแทนก็ตาม แต่ก็แลกกับน้ำเบาที่เบาและให้สีขาวที่ดูดีเป็นพิเศษนี้เอง พร้อมด้วยประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกนั้นก็มีตัว ROG Harpe II Ace เมาส์เกมมิ่งส่งตรงจากนักกีฬา E-Sport  , ROG Pelta สำหรับสายเกมมิ่ง FPS และ ROG Scabbard II Arctic Gray XXL แผ่นรองเมาส์สีอยู่ทนอยู่นาน

ราคาเกมมิ่งเกียร์ ASUS ROG ที่รีวิวทั้งหมด

  • ASUS ROG Azoth X ราคา 8,940 บาท 
  • ASUS ROG Harpe II Ace ราคา 4,590 บาท 
  • ASUS ROG Pelta ราคา 4,390 บาท 
  • ASUS ROG Scabbard II Arctic Gray XXL ราคา 1,720 บาท 
Shops
แชร์ :
review
  • วัสดุ / การออกแบบ
  • สเปค / ฟีเจอร์
  • ราคา / ความคุ้มค่า
Comments Rating 0 (0 reviews)

Leave a Reply

User Review
  • วัสดุ / การออกแบบ
    Sending
  • สเปค / ฟีเจอร์
    Sending
  • ราคา / ความคุ้มค่า
    Sending

Follow us
Most popular
Category
Tag

Relate Article