รีวิว : PICO 4 แว่น VR พร้อมใช้ จัดเต็มในงบหมื่นห้า

[ก้าวแรกสู่ VR] ปัจจุบันคอนเทนต์ VR แม้หลายคนมองว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น วงการ VR ยังมีการพัฒนาอยู่เสมอ และสิ่งที่ทำให้เชื่อแบบนั้นก็เพราะ.. รีวิวนี้พบกับ PICO 4 All-In-One VR แว่น VR ในงบหมื่นกลาง ๆ แต่คุณภาพคับแก้ว ใช้งานเกินราคา ชูโรงด้วยน้ำหนักเบา ใส่ได้นาน สวมใส่สบาย เลนส์หน้าจอขนาด 2.56 นิ้ว ให้ความละเอียดถึง 4,320 x 2,160 ให้มุมกว้าง 105 องศา ในมุมมอง 20.6 PPD พร้อมรองรับรีเฟรซเรทสูงสุด 90Hz และพร้อมใช้งานได้ทันที (มี OS ในตัว) ไม่ต้องเชื่อมต่อ PC หรืออุปกรณ์อื่นเลย 

Specification [Pico 4 All-In-One VR]

  • Display : 4K resolution, 2.56” X 2 LCD display 432×2160 72Hz/90Hz refresh rate 1200 PPI
  • Optics : Pancake Optics 105 degree, FOV 20.6, PPD 62mm-72mm IPD
  • Processor : Qualcomm XR2 7nm process technology 2.84GHZ 
  • RAM : 8GB
  • Storage : 256GB
  • Wireless Connection : Wi-Fi 6 (802.11 a/b/g/n/ac/ax), 2×2 MIMO dual band (2.4GHz/5GHz) support Bluetooth 5.1
  • Cameras and Sensors : 6 DoF position sensors
  • Sound : Spatial positioning dual stereo speakers with dual microphone
  • Battery and Charge : 5300mAh 20W quick-acting charging QC 3.0/PD 30 Controllers – AA batteries x 2 
  • Controller : HyperSense vibrator control (50-500Hz)
  • Operating System : PICO OS 5.0
  • Headset Dimension : 163mm x 35.8 mm x 80 mm 

แกะกล่อง

อุปกรณ์ในกล่องก็ประกอบด้วยตัวแว่น PICO 4 , คอนโทรลเลอร์ x 2 (พร้อมถ่าย AA ในตัว)

สายรัดข้อมือสำหรับคอนโทรลเลอร์ x 2 , ชุดแปลงไฟ USB-C x 1 , สาย USB-C to USB-C x 1 , ชุดคู่มือ , ใบรับประกัน  และอุปกรณ์เสริมน่าสนใจอย่าง ‘ที่รองจมูก’ ที่ช่วยเพิ่มความกระชับในการสวมใส่ตัวแว่นสำหรับผู้ใช้บางรายได้ และชุดคั่นระยะสายตา ส่วนนี้เองที่หากใครสวมใส่แว่นตา ก็สามารถนำมาประกอบกับตัว PICO 4 เพื่อให้ใช้งานพร้อมใส่แว่นได้เลย

งานออกแบบ

จุดเด่นแรก ๆ ที่ตัว PICO 4 ชูเลยคือ ‘ขนาด’ ซึ่งตัวแว่นก็มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยมีน้ำหนักก็เพียง 586 กรัมเท่านั้น (ถ้าไม่รวมสายรัด ก็หนักเพียง 295 กรัม) ซึ่งเบากว่ารุ่นก่อนถึง 26.2% และหนาน้อยลง 38.8% ด้วย พร้อมมาในโทนสีขาวดูสบายตา

ในตอนแกะกล่อง บางคนอาจสงสัยว่าตัวแว่นไม่มีกล่องเซ็นเซอร์แยกต่างหากหรือ ? คำตอบคือ ตัวเซ็นเซอร์ก็อยู่ที่ด้านหน้าของตัวแว่นแล้ว โดยมีให้ 4 จุด โดยเป็นเซ็นเซอร์วัดระยะพื้นที่แบบ 6DoF ระบุตำแหน่งด้วยแสงอินฟราเรดและออฟติคอล ซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก ระดับที่ระบุตำแหน่งได้ต่ำกว่าระดับมิลลิเมตร และมีความเร็วในการติดตามระดับมิลลิวินาทีด้วย ง่าย ๆ เลยคือ แค่สวมตัวแว่น มันก็จะวัดระยะโดยรอบทันที

รูตรงกลางส่วนหน้าก็เป็นกล้อง RGB ความละเอียด 16MP ช่วยให้มองเห็นโลกภายนอก แม้สวมใส่ตัวแว่นอยู่ได้นั้นเอง ซึ่งชัดขนาดไหน เดี๋ยวรอดูกันได้

เลนส์ (Pancake Optics) แบบ LCD ที่ให้มุมกว้างถึง 105 องศา กับมีค่า FOV ที่ 20.6 และ PPD 62mm-72mm IPD กับขนาดเลนส์ 2.56″ ทั้งสองตัว ที่แสดงผลได้ระดับ 4K และรองรับ Refresh Rate ได้ถึง 90Hz และสามารถปรับความห่างของเลนส์เพิ่มเติมได้ด้วย

สายรัดด้านหลัง นอกจากจะเป็นที่อยู่ของแบตฯ ขนาด 5300mAh แล้ว ยังมีตัวหมุนสำหรับปรับระดับสายรัดให้เข้ากับศีรษะของผู้ใช้ได้ง่าย ๆ และแน่นหนาเอาเรื่อง หมุนจนติดหัวบอกเลยว่าแน่นสุด ๆ ไม่หลุดออกง่าย ๆ เวลาใช้งานแน่นอน

สายคาดเองก็สามารถปรับระดับเพื่อให้รับกับศีรษะได้อีกเช่นกัน แต่คราวนี้เป็น ‘ตีนตุ๊กแก’ นะ

ทั้งนี้ตัวสายรัด ด้านข้างทั้งสองก็มีลำโพงพร้อมไมค์ให้ฝั่งละตัวด้วย

ส่วนปุ่มควบคุมในตัวแว่น ก็มีเพียงปุ่มเปิด/ปิด ตัวเครื่องมาให้ปุ่มเดียวเพียว ๆ ซะเมื่อไร ด้านข้างยังมีปุ่มปรับระดับเสียง แต่เอาจริง ๆ ก็เหมือนทั้งแว่นมีปุ่มเดียวจริง ๆ นะเออ

ส่วนปุ่มควบคุมจริง ๆ จะอยู่ในตัวจอยคอนโทรลเลอร์ทั้งตัวนี้ต่างหาก ซึ่งก็ออกแบบมาให้ถือจับและควบคุมได้ง่ายมาก และเบามากด้วย (จากที่เคยลองใช้แว่น VR รุ่นอื่น ๆ มาก่อน การควบคุมแทบไม่ต่างกันเลย) แต่หากใครเพิ่งเคยจับครั้งแรก เชื่อถือ แปป ๆ ก็ชินแล้ว ภายในก็มีเซ็นเซอร์ 6DoF จับความเคลื่อนไหวรอบทิศทาง 6 ได้เช่นกัน อนึ่งควรใส่สายรัดตัวจอยที่แถมมาให้ด้วยนะ จากที่ลองเล่นมาอาทิตย์กว่า เคยเกือบทำจอยหลุดไปปักกำแพงหลายรอบแล้ว =//=

ตัวจอยใช้ถ่าย AA สองก้อน ซึ่งเครมว่าใช้ได้นานถึง….เท่าไรหว่า ? แต่น่าจะนานแหล่ะ (หาข้อมูลไม่เจอจริง ๆ กราบขออภัย – -)

ประสบการณ์ VR 

บอกเลยว่าตื่นตามากกก คือเป็นประสบการณ์ VR แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้มาในงบเพียงหมื่นกลาง ๆ ยอมรับเลยว่า PICO 4 เป็นแว่น VR ระดับเริ่มต้น แต่กลับให้ประสบการณ์ระดับเดียวกับแว่น VR รุ่น Hi-End กันเลย แม้เรื่องความคมชัดกับความแม่นยำบางส่วนอาจไม่สูงเท่า แต่ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าโหดมากแล้ว และที่เห็นอยู่นี้ก็คือหน้า Home Screen ของตัวแว่นนี้เอง และนี่คือระบบปฏิบัติการ PICO OS 5.0 ที่มีติดมาในตัวแว่น ไม่ได้มีการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนหรือ PC แต่อย่างใด

ลองใช้ตัวจอยควบคุม UI ของตัวแว่น ก็ให้ความลื่นไหลได้มากพอดู

แล้วตัวแว่นใช้วิธีตรวจจับการเคลื่อนไหวยังไง ใส่เล่นแล้วจะวิ่งชนสิ่งของภายในบ้านไหม คำตอบคือไม่ต้องกังวล ก่อนใช้งานตัวแว่นจะบังคับให้ผู้ใช้ทำการ ‘วาดพื้นที่’ สำหรับการเล่นก่อนเลย โดยสามารถลากได้ตามพื้นที่ห้องที่ใช้งานอยู่จริง ๆ และในขั้นตอนนี้เอง เราก็จะได้เห็นมุมมองโลกจริงผ่านกล้อง RGB ความละเอียด 16MP ด้วย แม้จะสวมแว่นอยู่ก็ตาม

กำหนดพื้นที่การเล่นให้เรียบร้อยตามนี้

เพียงเท่านี้ก็สามารถเล่นได้อย่างสบายใจแล้ว ซึ่งหากเราเข้าใกล้จุดที่กำหนดพื้นที่เอาไว้ มันจะัมีกำแพงเสมือนเตือนให้เห็นชัด ๆ ตามนี้เลย ทันทีที่ทะลุ ก็จะเป็นการทะลุสู่โลกจริงด้วยเช่นกัน

กลับมาที่หน้า UI ของ PICO OS 5.0 อีกครั้ง ตามสเปกเลยตัวแว่นก็ใช้ชิป Qualcomm XR2 ประมวลผลหลัก ซึ่งก็ช่วยแสดงผลกราฟฟิกออกมาได้สวยงามทีเดียว และแทบไม่มีอาการตระตุกให้เห็นเลย ส่วนตัว UI การใช้งานก็ไม่ต่างอะไรกับระบบปฏบัติการในสมาร์ทโฟน (แอบคล้าย iOS นิด ๆ) มีหน้าเมนูตั้งค่า บอกสถานะแบตฯ ของทั้งตัวแว่นและจอย  

และมีหน้าซื้อแอบหรือ Store ให้โหลดแอปฯ อื่น ๆ สำหรับตัวแว่นได้ แทบไม่ต่างจาก App Store หรือ Google Play เลย อนึ่งมีหลาย ๆ แอปฯ ต้องชำระเงินเพิ่มเติมด้วยนะ ราคาก็แอบสูงใช้ได้อยู่หลายแอปฯ เหมือนกัน

เช่นแอปฯ Virtual Desktop ที่ช่วยให้ใช้งานร่วมกับเครื่อง PC ที่บ้านได้ ทำให้สามารถดึงไฟล์หรือเกมต่าง ๆ มาแสดงผลเป็น VR ผ่านตัวแว่น PICO 4 ได้เลย แต่ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 699 บาทนะจั๊ฟ

อีกหนึ่งแอปฯ ที่น่าสนใจไม่น้อยอย่าง CalSense ที่มีติดมากับตัวแว่นให้เลย ไม่ต้องโหลดเพิ่ม ช่วยวิเคราะห์การออกกำลังกายของผู้ใช้ ซึ่งหากใครเล่นเกม VR กับแว่นนี้ บอกเลยว่าได้เหงื่อแน่ ซึ่งจะได้เหงื่อได้สุขภาพแค่ไหน ก็มาดูผลวิเคราะห์ในแอปฯ ได้นั้นเอง หรือจะให้ตัวแอปฯ เสนอแผนการฝึกเพิ่มเติมก็ยังได้

ดูหนังแบบ VR

ใครมีหนังหรือไฟล์วิดีโอเด็ด ๆ ก็สามารถมาเปิดรับชมในมุมมองโรงหนังเสมือนแบบนี้ได้เลย

หน้า UI สำหรับควบคุม สามารถเลือกการแสดงและควบคุมการเล่นได้ตามนี้

หรือเปลี่ยนฉากหลังใหม่ก็ได้

ตัวอย่างการดูคลิปในมุมมอง VR


หากจะดู Youtube จุดนี้ต้องดูผ่านเบราเซอร์ของทาง PICO 4 เท่านั้น (ไม่มีเป็นแอปฯ นะเออ) แน่นอนว่านอกจาก Youtube แล้ว ใครมีบัญชีแพลตฟอร์มดูหนัง อนิเมะ หรือเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ ก็สามารถมาเลือกชมแบบนี้ได้เช่นกัน

ถ้าดูคลิป Youtube ก็สามารถรับชมในมุมมองแบบ VR ได้เต็มตา

เล่นเกม VR

และในการเล่นเกมนี้เอง ก็ทำให้สัมผัสประสิทธิภาพของตัว PICO 4 ได้อย่างเต็มที่เลย ซึ่งหากใครเป็นผู้ใช้ใหม่ จะได้รับเกมมาเล่นฟรี 3 เกม โดยหนึ่งในนั้นก็มีเกม Superhot VR ที่ให้อารมณ์เหมือนเราเป็น John Wick ยังไงยังงั้น คือมันเป็นเกมที่จะจำลองการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ โดยจะมีอาวุธ ที่มีตั้งแต่แก้วน้ำ ไปยัน UZI ที่หากเจอสองกระบอก ก็ควงยิงคู่แบบพรี่ Neo ใน The Matrix ได้เลย

ท่วงท่ามาเต็ม…

 

More Gameplay

อีกหนึ่งเกมอย่าง Sports VR เกมกีฬาที่มีกีฬาต่าง ๆ ให้เล่นเพียบ ส่วนตัวชอบกีฬายิงธนูมากสุด : D

ตัวอย่างการเล่น

สรุป

PICO 4 อาจเรียกได้ว่าเป็นใบเบิกทางสู่โลก VR อย่างแท้จริง ใครที่เคยมีภาพจำ VR สมัย Samsung Gear VR , Google Cardboard หรือแว่น VR แบบที่ต้องใช้สมาร์ทโฟนเป็นจอแสดงผล ขอบอกเลยว่า “ลืมมันไปให้หมด” มาเปลี่ยนภาพจำใหม่ของโลก VR ผ่าน PICO 4 ดีกว่า

ความพิเศษของ PICO 4 All-In-One VR คือ Stand Alone ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือเครื่อง PC อะไรเลย เพียงเปิดเครื่อง ต่อเน็ต ลงทะเบียนผู้ใช้ครั้งแรก (ฟรี) ก็ใช้งานได้แล้ว และไม่ต้องวางเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวเหมือนแว่น VR สมัยก่อนด้วย อีกทั้งยังใช้งานไม่ยุ่งยาก เข้าถึงโลก VR ได้ทันที และหากมีความคุ้นชิน ก็จะสนุกกับคอนเทนต์ VR แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยก็ได้

จุดเด่นถัดมาคือขนาดตัวแว่น ซึ่งไม่ใหญ่มาก น้ำหนักก็เพียง 586 กรัม เท่านั้น ช่วยให้สวมใส่ได้เป็นเวลานาน ลืมแว่น VR หลาย ๆ รุ่นที่เคยใส่มาเลย ตัวสายรัดก็สามารถปรับขนาดให้เข้ากับขนาดศีรษะของผู้ใช้ได้สะดวก (ใครสวมแว่นก็มีอุปกรณ์เสริมช่วยให้ใช้ร่วมกันได้) ส่วนหน้าจอก็แสดงผลได้คมชัดและลื่นไหลมาก อาจจะไม่จัดเต็มเหมือนอย่างแว่น VR ระดับ Top ในปัจจุบัน แต่ก็มากพอที่จะรับชมคอนเทนต์ VR ในปัจจุบันได้ดีแล้ว

ด้านประสบการณ์ใช้งานนั้น ก็ได้ลองทั้งการดูหนัง/เล่นเกม ทั้งหมดก็ทำได้ดีเกินราคา คือเปลี่ยนมิติใหม่ก็ของการดูหนัง อนิเมะ หรือคลิปต่าง ๆ ไปได้เลย (ตัวแว่นมี ROM ให้ 128/258GB) แต่หากใครจะซื้อมาชมคลิป Youtube หรือ Titkok ก็ควรมีคลิปหรือช่องที่ชมเป็นประจำไว้ดีกว่า เพราะการควบคุมหน้า UI ต่าง ๆ อาจไม่คล่องตัวเหมือนสมาร์ทโฟนหรือ PC (ถ้าชินก็ดีไป)

ส่วนการเล่นเกม ก็อาจต้องลงทุนหน่อย เกม VR น่าสนใจมีเยอะมาก แต่ก็มีราคาด้วยเช่นกัน และอีกหลาย ๆ แอปฯ (ถ้าใช้งานใหม่ ๆ จะมีเกมให้เล่นฟรี 3 เกม หนึ่งในนั้นก็มี Sports VR เกมกีฬาที่มีกีฬาให้เล่นหลากหลาย) ส่วนสัมผัสการเล่นนั้น สั้น ๆ เลย “สนุกโคตs” ชิป Snapdragon XR2 ทำได้ลื่นไหลเกินคาด แต่แอบเสียดายที่แบตฯ ไม่ได้อึดมาก โดยตัวแบตฯ ก็ใช้ขนาด 5300 mAh ซึ่งทาง PICO เคลมว่าใช้ได้ 2.5 – 3 ชั่วโมง แต่ใช้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็เตรียมเสียบชาร์จได้แล้ว….อ่อ ถอดมาเช็ดเหงื่อด้วย

คำถามสุดท้าย ต่อกับสมาร์ทโฟนหรือคอมฯ ได้ไหม คำตอบคือได้ ถ้าต่อสมาร์ทโฟนก็ต้องใช้แอปฯ แชร์จอ ส่วน PC นั้น จำเป็นต้องเสียเงิน 699 บาท เพื่อซื้อแอปฯ Virtual Desktop มาใช้งานร่วมกัน หลังจากนี้ก็สามารถเล่นเกม PC VR ได้แล้ว แต่เอาจริง ๆ เหมือนตัวแว่นไม่ได้พัฒนามาเพื่อการนี้เท่าไรนัก

ราคา PICO 4 All-In-One VR

  • PICO 4 All-In-One VR [128GB] = 13,990 บาท
  • PICO 4 All-In-One VR [256GB] = 15,990 บาท
Shops
แชร์ :
review
  • วัสดุ / การออกแบบ
    (4.5)
  • สเปค / ฟีเจอร์
    (4.5)
  • ราคา / ความคุ้มค่า
    (5)
4.7
Comments Rating 0 (0 reviews)

Leave a Reply

User Review
  • วัสดุ / การออกแบบ
    Sending
  • สเปค / ฟีเจอร์
    Sending
  • ราคา / ความคุ้มค่า
    Sending

Follow us
Most popular
Category
Tag

Relate Article