[Review] ก้าวสู่ยุค Wi-Fi 7 ที่ยกระดับการเชื่อมต่อไร้สายไปอีกหลายขั้น ชนิดที่มอง Wi-Fi 6 ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป รีวิวนี้พบกับ ROG Rapture GT-BE98 สุดยอดเกมมิ่งเราเตอร์แห่งปี 2024 จาก ASUS อัดสเปกเราเตอร์ Wi-Fi แบบสุดขีด ดีไซน์แบบหลุดโลก (หรือมาจากนอกโลก ??) และให้ความเร็วแบบทะลุหลอด มาพร้อมฟีเจอร์ VPN กับฟีเจอร์ที่รองรับอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะ และการันตีหนึ่งเราเตอร์ กระจาย Wi-Fi ได้ทั่วบ้านแน่นอน
ฟีเจอร์เด่น
- ปฏิวัติความแรงถึงขีดสุดกับ WiFi 7 (802.11be) ที่มาพร้อมกับแชนแนล 320MHz บนคลื่นแบนด์ 6 GHz ที่แรงขึ้นกว่าเดิมถึง 4096-QAM เพิ่มความแรงของสัญญาณ และการับ-ส่งข้อมูลที่มากขึ้น รวมไปถึงความแรงในการโอนถ่ายข้อมูลสูงถึง 25 Gbps
- Multi-link Operation (MLO) การทำงานแบบมัลติลิงก์ ช่วยเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลข้ามแบนด์พร้อมกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
- เสาอากาศแบบ dual-feeding ทั้งรับ-ส่งข้อมูล แถมด้วยหน้าที่ล้ำสมัยช่วยเพิ่มสัญญาณให้ครอบคลุม ยังคงให้ความแรงของสัญญาณและประสิทธิภาพที่ดีอีกด้วย
- นอกจากสัญญาณที่แรงแล้ว พอร์ตเชื่อมต่อก็ไม่แพ้กันด้วยพอร์ต 10G ถึง 2 ช่องและพอร์ต 2.5G ให้มาถึง 4 ช่องหมดทุกปัญหา ไม่ว่าจะโหลดเกมขนาดไฟล์ใหญ่แค่ไหน
- ระบบเครือข่ายปลอดภัยโดยไม่ต้องสมัครสมาชิกด้วย AiProtection Pro ที่อัปเดตฟรีตลอดอายุการใช้งานที่ร่วมกับ Trend Micro พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการสแกนความปลอดภัยได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียวและการปกป้องอันตรายจากการท่องอินเตอร์เน็ตด้วย Safe Browsing
- รองรับการทำ VPN ได้หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น site-to-site VPN และยังมีแอฟ Instant Guard ที่ไว้คอยเป็นเหมือนตัวป้องกันภัยจากอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ เมื่อเราเชื่อมต่อสัญญาณ WiFi นอกบ้าน
- AiMesh extendable routers หมดปัญหาสัญญาณไวไฟไม่ทั่วบ้าน ไม่ว่าจะใช้เราเตอร์รุ่นไหนก็สามารถเอามาเชื่อมต่อขยายสัญญาณเพื่อให้ไวไฟครอบคลุมทั่วบ้านของคุณได้ง่าย ๆ
แกะกล่อง
อลังการตั้งแต่กล่องยันตัวเครื่องมาเลย ทั้งนี้ตัวกล่องมี ‘ลูกเล่น’ เล็ก ๆ ตอนแกะด้วย
ภายในกล่องก็มีตัวเครื่อง ROG Rapture GT-BE98 , สาย LAN x 1 , ชุดไฟเลี้ยง , ชุดคู่มือ และใบรับประกัน
งานออกแบบ
นับวันเริ่มเหมือน ‘ยานแม่’ มากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเกมมิ่งเราเตอร์ตัว Top จาก ASUS และรุ่นล่าสุดอย่าง ROG Rapture GT-BE98 ก็มาพร้อมดีไซน์ที่ดู Sci-Fi มากกว่าเดิม
ด้านมีการเล่นลวดลายตามสไตล์ ROG พร้อมความ ‘หล่อ’ ให้กับตัวเราเตอร์ ROG Rapture GT-BE98 ได้สะดุดตาดีแท้ จุดน่าสนใจคือตรงกลางที่มีส่วนระบายความร้อน ซึ่งใช้ระบายความร้อนจากชิปซีพียู Quad-Core ที่มีความเร็วระดับ 2.6 GHz (พร้อมแรม 2GB และรอมขนาด 256MB) แน่นอนว่าซีพียูระดับนี้ ย่อมมีความร้อนมากเป็นธรรมดา จึงต้องมีระบบระบายความร้อนที่อลังการกว่าเราเตอร์ทั่วไปนี้เอง ส่วนตัวซีพียูจะมีบทบาทในการจัดการอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาเชื่อมต่อ ทั้งนี้ตัวเราเตอร์ยังมีคลื่น Wi-Fi สำหรับอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะด้วย อุปกรณ์เชื่อมต่อคงมีไม่น้อยแน่นอน
ด้านหน้าตัวเราเตอร์ยังมีปุ่มเปิดปิด WPS และ LED ที่อยู่ข้างบนนั้นเอง
ด้านข้างก็มีช่องสำหรับต่อไฟเลี้ยง ปุ่มเปิดปิดตัวเราเตอร์ และยังมีช่องเสียบ USB 2.0 x 1 กับ USB 3.2 Gen 1 x 1 อยู่ใกล้ ๆ กัน ใช้ทำ Media server หรือรองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE/5G Mobile Tethering ก็ยังได้
ส่วนด้านหลัง เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของ ROG Rapture GT-BE98 กันเลย โดยมีช่อง LAN มากถึง 7 ช่อง ช่อง LAN ที่รองรับความเร็วได้สูงถึง 10G แน่นอนว่าในไทยยังไม่มีบริการอินเทอร์เน็ตที่ให้ความเร็วระดับนี้ อาจต้องรออีกหลายปี แต่สำหรับใครที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ต 2 Gbps ก็สามารถต่อช่อง LAN 2.5G ไปก่อนได้ พร้อมกับถ่ายความเร็วระดับ 1G ในช่อง LAN-5 หรือ 10G ในช่อง LAN-6 ไปยังเครื่อง PC เพื่อรับความเร็วอินเทอร์เน็ตแบบเต็มหมดเต็มเหนียว
รายละเอียดช่อง LAN/WAN ก็มีตามนี้ 10Gbps for WAN/LAN x 1 , 2.5Gbps for WAN/LAN x 1 , 10Gbps for LAN x 1 , 2.5Gbps for LAN x 3 และ RJ45 10/100/1000Mbps for LAN x 1
ใต้ล่างตัวเครื่องก็มีช่องระบายความร้อนเต็มแผง
ตัวเครื่องมาพร้อมเสาส่งสัญญาณมากถึง 8 เสา และเป็น Quad-Band ที่ปล่อยคลื่น Wi-Fi ได้ถึง 4 คลื่น ตามสเปกยังรองรับความเร็วรวมถึง 25 Gbps โดยแบ่งความเร็วออกแบบ 2.4 GHz 1376 Mbps (4K QAM) , 5 GHz-1 5764 Mbps (4K QAM + 160 MHz) , 5 GHz-1 5764 Mbps (4K QAM + 160 MHz) และ 6 GHz กับความเร็วคลื่นเดียวมากถึง 11529 Mbps (4K QAM + 320 MHz) สำหรับ Wi-Fi 7 โดยเฉพาะ
สำหรับขนาดตัวเครื่องก็อยู่ที่ 350.41 x 350.41 x 220.6 mm และน้ำหนักมากถึง 2 กก. ด้วยขนาดและน้ำหนักขนาดนี้ ก็ต้องหาที่ติดตั้งที่เหมาะสมกันหน่อยครับ
ติดตั้งและใช้งาน
ก่อนอื่นในรีวิวนี้จะไม่ได้ทดสอบประสิทธิภาพของ Wi-Fi 7 เนื่องจากยังมีไม่อุปกรณ์ที่รองรับ (- -) ฉะนั้นรีวิวก็ขอเน้นที่ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ตัว ROG Rapture GT-BE98 มีแทน แต่ก็ยังมีทดสอบความเร็วให้เห็น โดยทดสอบกับบริการอินเทอร์เน็ต 1000/500 Mbps ที่ใช้ในงานอยู่ ซึ่งการตั้งค่า ฟีเจอร์ และประสิทธิภาพที่จะมีมากขนาดไหน ลองมาดูไปพร้อม ๆ กัน
หลังต่อสายไฟเลี้ยงกับช่อง LAN 2.5G แล้ว ก็จัดการเปิดใช้งานตัวเครื่อง จุดนี้ต้องบอกก่อนว่า หากไฟ LED ด้านหน้าเป็นสีขาวล้วนแบบนี้ คือสถานะปกติ พร้อมใช้งาน แต่หากมีสีแดง แสดงว่าผิดปกติ…..แต่สีแดงมันแอบสวยดี
และหากไม่ได้ต่อสาย LAN และ LAN 10G ไฟ LED ก็จะดับไป 2 ดวงตามภาพ
แบบนี้คือเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ ทว่าใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ได้
หากต้องการตั้งค่าการใช้งานอื่น ๆ ก็สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ASUS Router เพื่อตั้งค่ารหัสผู้ใช้ รหัส Wi-Fi และเปิดการใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ ได้ ซึ่งการตั้งค่าก็ทำตามขั้นได้ไม่ยาก ทว่าอาจใช้เวลานิด ๆ ตอนรอให้ตัวเครื่อง Set-Up ตัวเอง
ส่องฟีเจอร์เด็ด
เริ่มจากไฟ RGB บนตัวเราเตอร์ ใช่ครับ ตัว ROG Rapture GT-BE98 มาพร้อมไฟ RGB แบบ Dot Pixel ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสีและแอฟเฟคต่าง ๆ ได้ผ่านแอปฯ ASUS Router บนสมาร์ทโฟน
ตัวอย่างการตั้งค่าไฟ RGB ผ่านแอปฯ
หน้าตั้งค่า ROG Rapture GT-BE98 ผ่านแอปฯ ASUS Router
หน้าการตั้งค่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ พร้อมการปิดใช้งานพอร์ตต่าง ๆ ของตัวเราเตอร์
จุดเด่นอย่างหนึ่งของ ROG Rapture GT-BE98 (หรือเราเตอร์ ASUS ระดับ Top รุ่นอื่น ๆ) คือมาพร้อมฟีเจอร์ Ai Pretection ระบบป้องการมัลแวร์และภัยอื่น ๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต ตามชื่อเลยคือ ใช้ AI ช่วยเช็คช่วยป้องกัน โดยหากลองสแกน ตัวฟีเจอร์ก็จะเช็คให้เลยว่าตัวเราเตอร์ยังมีจุดบอดส่วนไหนบ้าง หากมีก็จัดการตั้งค่าให้ปลอดภัยได้นั้นเอง
ตามสไตล์เราเตอร์เกมมิ่ง ระบบ QoS ยังคงเน้นที่การเล่นเกมเช่นเคย โดยสามารถกดสลับใช้งานได้เอง หรือกดผ่านปุ่มเดียวก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะมีประโยชน์ยังไงนั้น เดี๋ยวรอดูกัน
อยากที่รู้กัน ตัวเครื่อง ROG Rapture GT-BE98 ก็มาช่องเสียบ USB 2.0 x 1 กับ USB 3.2 Gen 1 x 1 ซึ่งสามารถเปิดใช้งานเป็น Cloud ขนาดย่อมได้ โดยสามารถตั้งค่าผ่านส่วน FTP นี้ได้
การใช้ตั้งค่าผ่านเว็บ
หากต้องการตั้งค่าอย่างละเอียด ก็สามารถ Config หรือตั้งค่าเว็บเบราเซอร์ได้
โดยการตั้งค่าผ่านเว็บเบราเซอร์จะมีหน้า UI แสดงรายละเอียดต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่าในแอปฯ มาก ทั้งการตั้งค่าด้านเกมมิ่ง ทั้ง QoS , ROG First และ Game Boost
รายละเอียดการเปิดใช้งาน QoS ที่มีบอกรายละเอียดเป็นภาษาไทยชัดเจน
หน้าตั้งค่า Ai Pretection
และหน้า Parental Control
มาพร้อม VPN
จุดเด่นอีกอย่างคือ VPN ที่ตัวเราเตอร์ ROG Rapture GT-BE98 สามารถเปิดใช้งานด้วยตัวเองได้เลย เหมาะสำหรับใครที่อยากท่องอินเทอร์เน็ตหรือเล่นเกมข้ามโซน และความเป็นส่วนตัว
สนับสนุน IoT
ด้วยสเปกอันสุดจัดของ ROG Rapture GT-BE98 ก็มาพร้อมคลื่น Wi-Fi สำหรับอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มความเสถียรการใช้งานได้เป็นอย่างดี
เพื่อให้รองรับได้ดีขึ้นไปอีก ตัวเราเตอร์ก็สามารถใช้บัญชี Alexa กับ Google ได้ด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
ลองเปิดโหมด QoS ให้เน้นการเล่นเกมผ่านสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ซึ่งตัวเราเตอร์จะดึงทรัพยากรเกือบทั้งหมด มาใช้ในส่วนนี้ส่วนเดียว ซึ่งหากสัญญาณการเชื่อมต่อเสถียร การเล่นเกม Online ก็จะไม่สะดุด โดยดูได้จากค่า ping ของบางเกมได้
ตัวอย่างเช่นเกม Honkai: Star Rail สังเกตที่ค่า ping ที่แต่เดิมอยู่ที่ 148 – 160 ms
หลังเปิด QoS เกมมิ่ง ค่า Ping ก็ลดเหลือ 123 ms
สำหรับค่า ping นี้ดีต่อเกมยังไง ในส่วนนี้ก็ขอยกเกมออนไลน์แนวแบทเทิลรอยัลอย่าง Super Mecha Champions ที่ซึ่งหากมีค่า ping สูง ก็จะส่งผลให้เกมเกิดอาการแล็ก (หรือวาป) โดยในเกมแบบนี้หากเกิดอาการแล็กขึ้นมา นั้นหมายถึงความพ่ายแพ้เลยนั้นเอง
ทดสอบความเร็ว
สำหรับตัว ROG Rapture GT-BE98 จัดเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 7 สเปกสูงมาก ๆ รุ่นหนึ่ง แต่การทดสอบนี้ยังได้ใช้เฉพาะ Wi-Fi 6 ซึ่งก็ยังพอเห็นประสิทธิภาพแบบทะลุขีดของตัวเราเตอร์ได้ โดยความเร็วที่ได้ก็ทะลุบริการเน็ต 1000/500 mbps ไปแล้ว
ส่วนค่า ping ก็อยู่แค่ 7 ms กับค่า Jitter เพียง 1.20 ms
ทดสอบความแรงของ Wi-Fi
ต่อไปลองวัดความแรงของคลื่น Wi-Fi ของตัวเราเตอร์ ROG Rapture GT-BE98 โดยรอบนี้ลองทดสอบความแรงจากระยะไกล
ไกลในที่นี่คือลองวัดจากชั้น 1 และไปอยู่อีกมุมของบ้าน ส่วนตัว ROG Rapture GT-BE98 จะอยู่ชั้น 2 และอยู่อีกฝั่งของบ้านแทน
ผลคือความเร็วก็ตกไปตามสภาพ จุดนี้จะทำให้เห็นเลยว่า ตัวเราเตอร์ควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ควรมีอะไรมาบดบังสัญญาณจะดีที่สุด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่นั้นเอง ถึงอย่างนั้นตัว ROG Rapture GT-BE98 ก็เป็นเราเตอร์ระดับ Top เชื่อว่าหากใช้งาน Wi-Fi 7 ความเร็วที่ได้คงมากกว่านี้แน่
สรุป
ก่อนอื่นลองถามตัวเองก่อนว่า เราต้องการใช้เน็ตแบบไหน ? เร็วแค่ไหน ? และมีคนใช้งานมากไหม ? แต่หากอยาก ‘เจ็บแต่จบ’ ซื้อครั้งเดียวหมดทุกปัญหา ก็ลองดูตัว ROG Rapture GT-BE98 ที่สุดของเราเตอร์เกมมิ่งจากทาง ASUS นี้ได้ อนึ่งต้องบอกก่อนว่า ตัวเราเตอร์มีราคาสูงใช่เล่น แต่ก็แลกกับฟีเจอร์ที่สนับสนุน Wi-Fi 7 อย่างเต็มที่ มีคลื่น Wi-Fi ให้ใช้งานถึง 4 คลื่น (2.4 GHz / 5 GHz-1 / 5 GHz-2 / 6 GHz) และรองรับความเร็วเชื่อมต่อถึง 25 Gbps เรียกได้ว่าเป็นเราเตอร์ที่ใช้งานเผื่ออนาคตได้หลายปี มีสเปกที่แรงดุดันสมกับดีไซน์ที่เหมือนหลุดจากอวกาศมาเลย
ท้ายนี้ตัว ASUS ROG Rapture GT-BE98 เปิดราคาที่ 34,990 บาท มาพร้อมประกันยาว ๆ ถึง 3 ปี ใครสนใจ สามารถไปซื้อกันได้ที่ https://th.rog.gg/GT-BE98WTB