ว่าศึกสมาร์ทโฟนเรือธงเดือดแล้ว ศึกสมาร์ทโฟนระดับกลางหรือ (Mid-Range) ก็ระอุไม่แพ้กัน รีวิวนี้พบกับ Redmi Note 11 Pro 5G จาก Xiaomi สมาร์ทโฟนในงบหมื่นต้น ๆ แต่กลับมาพร้อมสเปกที่เกินราคามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจอ AMOLED รองรับ 120 Hz แบตฯ 5000 mAh และกล้องหลังความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ขับเคลื่อนด้วย Qualcomm Snapdragon 695 5G ซึ่งต้องบอกเลยว่า ‘มีทีเด็ด’ ตัวเครื่องจะใช้งานได้คุ้มค่าแค่ไหน ลองมาดูกันครับ

รายละเอียดสเปก Redmi Note 11 Pro 5G (ดูรายละเอียดได้ที่นี่)

แกะกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย ตัวเครื่อง Redmi Note 11 Pro 5G , อะแดปเตอร์จ่ายไฟ 67W , สาย USB Type-C , เข็มเปิดถาดซิม , เคสใส ม คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และ บัตรรับประกัน

งานออกแบบ

จากที่เคยรีวิวสมาร์ทโฟนมาหลายรุ่น บอกเลยว่า ‘ขอบเหลี่ยม’ นี่แหล่ะ คือการออกแบบที่ดี หนึ่งคือถือจับง่าย สองคือไม่ต้องกังวลนิ้วไปโดนจอง่าย ๆ เหมือนขอบโค้งมัน Redmi Note 11 Pro 5G ก็มาพร้อมขอบเหลี่ยม ถูกใจยิ่งนัก ส่วนดีไซน์หรือการออกแบบโดยรวม บอกเลยว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่ดูดีไม่แพ้สมาร์ทโฟนตัว Top เลย โดยเฉพาะบริเวณกล้องที่จัดเรียงสวยมาก (แม้ว่ากล้องจะมีจริง ๆ 3 เลนส์เท่านั้น) หลายคนอาจมองว่าตัวเครื่องมีดีไซน์เรียบ ๆ หรือเรียบหรูไปเลยก็มี

ส่องขอบตัวเครื่องแบบชัด ๆ หนา 8.12 มิลลิเมตร

บริเวณโมดูลกล้องก็มีขอบยื่นออกมาอีกเล็กน้อย

ตัวเครื่องที่รีวิวเป็นรุ่นสี Graphite Gray หรือเทาเข้ม เข้ากับวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียมแข็งแรงทนทานพอดีเลย สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อก็มีช่องเสียบชาร์จไฟแบบ USB-C กับถาดใส่ซิม/MicroSD และช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm ดีใจที่ไม่ตัดออก

หน้าจอแสดงผลได้ดูดีเกินคาด โดยสเปกตัวเครื่องก็มาพร้อมหน้าจอ AMOLED แบบ DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ 120Hz รองรับ DCI-P3 มีค่าความสว่างสูงสุด 1200 nits (ปกติ 700 nits) และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 จุดที่น่าสนในคือ รองรับ 120Hz กับค่าความสว่างที่สูงสุดถึง 1200 nits ถือว่าสูงเลยนะ ปกติมักจะเห็นในสมาร์ทโฟนรุ่นระดับเรือธงไปเลย สมัยนี้สมาร์ทโฟนระดับกลางงบหมื่นต้น ๆ ก็มีแล้ว

การใช้งาน

จุดเด่นหลัก ๆ ของ Redmi Note 11 Pro 5G คือกล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล ฉะนั้นในรีวิวนี้ก็จะเน้นเรื่องกล้องเป็นพิเศษ แต่นอกจากกล้องแล้ว ตัวเครื่องก็ยังมีจุดที่น่าสนใจอื่น ๆ เหมือนกัน ซึ่งก็มาจากระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 13 โดยจะมีน่าตาและความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ลองมาดูกัน

หน้าตาของ MIUI 13 ก็มาแบบคลีน ๆ เน้นใช้งานง่าย ดูสบายตา

จุดเด่นของ MIUI 13 ก็คือพวกเครื่องมือ ‘ช่วยถนอมตัวเครื่อง’ อาทิ ล้างแคช เคลียร์พื้นที่จัดเก็บ และสแกนไวรัล/มัลแวร์ ทุกอย่างดีหมด ยกเว้น ‘โฆษณา’ ที่จะขึ้นทุกครั้งหลังเรียกใช้..

หน้าตั้งค่าตัวเครื่อง Redmi Note 11 Pro 5G

ระบบความปลอดภัย ที่มีทั้งสแกนลายนิ้วมือ สแกนใบหน้า และ PIN

อย่างที่บอกในสเปก ตัวเครื่องรองรับ 120Hz ด้วย มีให้ปรับเลือกระหว่าง 60Hz กับ 120Hz ส่วนการแสดงผล ก็เลือกปรับรูปแบบโทนสีได้ 3 แบบตามภาพ

โหมดสว่าง กับ โหมดมืด ก็มีให้เลือกใช้ได้เลยในหน้าตั้งค่า

รายละเอียด MIUI 13

ประสิทธิภาพ

ขุมพลังหลักของ Redmi Note 11 Pro 5G คือ Qualcomm Snapdragon 695 5G ซึ่งต้องยอมรับตรง ๆ ว่า ไม่ใช่ซีพียูที่เน้นประสิทธิภาพมากนัก จุดนี้จะเห็นผลตอนถ่ายรูปที่ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ที่อาจใช้เวลาประมวลผลนิด ๆ ทว่าจะไม่มีประสิทธิภาพเลยหรือ ก็ขอลองพิสูจน์ด้วยการเล่นเกมกินสเปกตลอดกาลอย่าง Genshin Impact ว่าจะพอเล่นได้ขนาดไหนกันครับ

รายละเอียดสเปก Redmi Note 11 Pro 5G

ผลการเทส ก็บอกได้ว่า ‘เล่นได้’ แต่ไม่ถึงกับลื่นไหล ซึ่งก็เป็นไปตามสเปกตัวเครื่อง ที่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก แต่เน้นที่กล้องกับหน้าจอแทน ฉะนั้นหากจะเล่นเกม โดยเฉพาะกับ Genshin Impact ก็อาจต้องปรับภาพให้อยู่ระดับกลาง ๆ ถึงจะพอเล่นได้ลื่น ๆ ครับ

กล้องหลัง

รวมภาพถ่ายจาก Redmi Note 11 Pro 5G

สรุป