ฟีเจอร์เด่น Mercusys MB110-4G (ดูรายละเอียดได้ที่)

• 4G network – กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ได้ถึง 32 เครื่อง ด้วยความเร็วดาวน์โหลดสูงถึง 150 Mbps
• Plug a SIM card and play – ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าอุปกรณ์ รองรับการใช้งานกับซิมการ์ดจากผู้ให้บริการที่หลากหลาย
• 300 Mbps WiFi – แชร์เครือข่ายผ่านสัญญาณ Wi-Fi ด้วยความเร็วสูงถึง 300 Mbps
• Wi-Fi router mode – สามารถเชื่อมต่อสาย LAN เข้าสู่พอร์ต LAN/WAN เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตในกรณีที่คุณไม่สามารถใช้งาน 4G ได้

แกะกล่อง

ตัวกล่องสีแดงเด่นสะดุดตามาเลย รอบกล่องก็มีอธิบายฟีเจอร์เด่น ๆ ของตัวเราเตอร์ชัดเจน

ส่วนภายในก็มีอุปกรณ์ตามนี้เลย ยังดีที่แถมสาย LAN มาให้ด้วย

งานออกแบบ

แว่บแรกที่เห็น แอบนึกว่าเป็น Mesh Wi-Fi ตัวใหม่ จนมาอ่านหน้าหน้ากล่องถึงได้รู้ว่าจริง ๆ มันคือเราเตอร์ใส่ซิม ซึ่งก็เป็นเราเตอร์ใส่ซิมที่มีดีไซน์แปลกใหม่มาก ปกติมักจะมาเป็นเราเตอร์ Wi-Fi ขนาดเล็ก ที่มาพร้อมเสาสัญญาณมาให้สองเสา แต่ตัวนี้มาเป็นทรงกระบอกแบบเราเตอร์สมัยใหม่มาเลย

ขนาดตัวเราเตอร์ก็เล็กกะทัดรัดมาก ๆ (90 × 92 × 150.5 mm) จับยัดใส่กระเป๋า พกไปใช้ข้างนอกได้สบาย ๆ

ตัวเราเตอร์สามารถติดตั้งเสาสัญญาณ 4G/3G External Antenna Ports เพิ่มเติมได้ 2 เสา แต่ถ้าไม่มี ก็ใช้จากเสาที่มีอยู่ภายในก็ได้ ซึ่งจะกระจายสัญญาณได้ขนาดไหน เดี๋ยวมาดูกัน

ติดตั้งและใช้งาน

Plug a SIM card and play ชื่อฟีเจอร์ของตัวเราเตอร์ Mercusys  MB110-4G ซึ่งก็ตามชื่อ เราสามารถนำซิมการ์ดขนาด Nano SIM ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้งานกับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ไม่ต้องไปหาตัวแปลง สามารถถอดจากสมาร์ทโฟน แล้วนำมาใส่กับตัวเราเตอร์ได้ทันที (เหมือนใส่ Micro SD) โดยไม่ต้องแงะหรือเปิดฝาครอบอะไรก่อนด้วย ทั้งนี้ตัวเราเตอร์ก็ยังมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ LAN/WAN x 1 กับ LAN x 1 แบบ 10/100Mbps ทั้งสองช่อง พร้อมมีปุ่ม WPS/Reset Button ให้กดได้ง่าย ๆ

จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 4G ในซิมการ์ด (ขอเรียกสั้น ๆ ว่าเน็ตมือถือ) สู่ Wi-Fi 2.4G ที่นำไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไร้สายตัวอื่น ๆ ได้ (และได้สูงสุด 32 เครื่อง) ซึ่งจุดนี้ก็มีเพียงนำซิมการ์ดมาใส่ กับเสียบปลั๊กไฟ ก็พร้อมใช้งานเลย ใช้รหัส Wi-Fi เริ่มต้นจากตัวเราเตอร์ได้ แต่ถ้าอยากเปลี่ยน ก็ทำการตั้งค่าใหม่ได้ตามนี้

ตั้งค่าผ่านแอปฯ ได้แล้ววว เราเตอร์จากทาง  Mercusys  ในที่สุดก็มีแอปฯ เป็นของตัวเอง ว่าแล้วก็ประเดิมติดตั้งและใช้งานทันที

หน้าตา UI การตั้งค่าของตัวแอปฯ ก็มาในโทนสีขาวสลับแดง ดูสะอาดและสบายตามาก ทั้งยังใช้งานง่ายเกินคาดด้วย

หลังตั้งค่าตัวเราเตอร์กับในแอปฯ แล้ว ต่อไปก็ทำการตั้งค่ารหัส Wi-Fi ที่เราต้องการจริง ๆ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

พบกับหน้า Home Screen ของแอปฯ Mercusys

หากต้องการหน้าตั้งค่าอื่น ๆ ก็สามารถมาดูเพิ่มเติมได้ที่หน้านี้ หรือจะเช็คข้อความที่ถูกส่งมาที่ตัวซิมการ์ดก็ได้

อย่างที่เห็นในช่วงแรก Mercusys MB110-4G สามารถต่อเสาสัญญาณเพิ่มเติมได้ หากต่อเสร็จแล้ว ก็ต้องมาปรับการใช้งานกันอีกที

สุดท้ายก็หน้าตั้งค่าแบบเก่า ที่ต้องเข้ามาเว็บเท่านั้น แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์สำหรับผู้เชี่ยวชาญสายเน็ตเวิร์ค มารื้อฟีเจอร์เฉพาะทางได้

ประสิทธิภาพ

ตามสเปกของ Mercusys MB110-4G ก็มาพร้อมความเร็วสูงสุด 300 Mbps ซึ่งนับว่าเพียงพอสำหรับบริการเน็ตมือถือ 4G ในปัจจุบัน โดยสามารถแปลงเน็ตมือถือเป็น Wi-Fi  คลื่นความถี่ IEEE 802.11b/g/n หรือ 2.4 GHZ ได้ ลองประเดิมวัดความเร็วเน็ตครั้งแรก ก็พบว่าทำความเร็วได้ไม่ต่างจากตอนที่ใช้งานในสมาร์ทโฟนเลย จุดนี้ก็ต้องบอกก่อนเลยว่า ความเร็วเน็ตมือถือจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง อย่างในที่นี้ (เน็ต Unlimited) บ้างก็พุ่งเป็น 40 Mbps แต่โดยเฉลี่ยก็อยู่ราว ๆ 10 Mbps ซึ่งตัวเราเตอร์ก็ขับออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา

ลองเปลี่ยนมาใช้โน้ตบุ๊คก็ได้ความเร็วแทบไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน

ทิ้งระยะห่างจากตัวเราเตอร์ออกมาหน่อย ผลก็พบว่ายังได้ความเร็วใกล้เคียง 10 Mbps พร้อมค่า Ping ที่ยังพอ ๆ กัน

ออกห่างมาประมาณ 1 ห้องนั่งเล่น จุดนี้หากสัญญาณตกไปเหลือ 5 Mbps ก็ว่าจะไม่แปลกใจ แต่กลับพบความเร็วเน็ตที่แทบไม่ต่างจากสองจุดแรกเลย

ลองเปลี่ยนมาทดสอบที่ออฟฟิศบ้าง เริ่มจากลองเทสประสิทธิภาพตัวเราเตอร์ผ่านสาย LAN ที่แถมมาในกล่อง

ลองต่อผ่าน Wi-Fi ก็พบว่ามีความเร็วเน็ตกับค่า Ping แตกต่างกับแบบเสียบสาย LAN ตามสภาพ

สรุป

นับว่าน่าประทับใจไม่น้อยเลย Mercusys MB110-4G เป็นเราเตอร์ใส่ซิมราคาย่อมเยา แต่ประสิทธิภาพไม่ย่อมเยาตาม เอาแค่ดีไซน์กับสเปก 300 Mbps ก็หรูแล้วสำหรับราคานี้ ยังมีพอร์ต LAN/WAN ให้อีก คือหากไม่ใช้เน็ตมือถือ ก็นำสาย LAN มาต่อเพื่อแปลงเป็นเราเตอร์ Wi-Fi ทั่วไปก็ยังได้

ด้านประสิทธิภาพ ลองใส่ซิมการ์ดที่มีบริการอินเทอร์เน็ต 4G Unlimited ซึ่งปกติเวลาใช้งานก็จะมีความเร็วประมาณ 10 Mbps วันดีคืนดีก็พุ่งไป 20 – 30 Mbps ฉะนั้นหากได้ความเร็ว 10 Mbps  ก็ถือว่าโอเคแล้ว ผลการเทสก็พบว่าได้ความเร็วเน็ตราว ๆ 10 Mbps พร้อมค่า Ping ประมาณ 29 – 30 ms นับว่ากำลังดี จากนั้นก็ลองเทสการกระจายสัญญาณ Wi-Fi ของตัวเราเตอร์ ลองออกห่างไปอีกห้อง ก็พบว่าสัญญาณยังมาถึง แต่แทบไม่ตกเลย

จุดเด่นต่อมา ที่แอบน้ำตาไหลนิด ๆ คือ [แอปฯ] เมื่อก่อนเราเตอร์จาก Mercusys จะต้องตั้งค่าผ่านเว็บเบราเซอร์เท่านั้น ไม่มีแอปฯ เป็นของตัว การตั้งค่าจึงเป็นอะไรที่ยุ่งยาก แต่ก็แลกกับการติดตั้งที่ระดับเสียบปลั๊กก็พร้อมใช้งานเลย ล่าสุดใน Mercusys MB110-4G นี้ สามารถตั้งค่าผ่านแอปฯ ได้เสียที หน้าตาหรือ UI ก็ออกมาคลีน ๆ ดูสบายตามาก สามารถตั้งค่าพื้นฐานหรือฟีเจอร์จำเป็นได้พอประมาณ แน่นอนว่าหากต้องการตั้งค่าที่ลึกกว่านั้น ก็ยังทำได้ผ่านเว็บเบราเซอร์เหมือนเคย

ท้ายนี้ตัว Mercusys MB110-4G เปิดราคาที่ 1,290 บาท นับเป็นราคาที่ถูกมาก ๆ สำหรับเราเตอร์ใส่ซิม ที่ปกติมักอยู่ราว 2 – 3 พันบาทขึ้นไปเลย หรือมีรุ่นที่ราคาพอ ๆ กัน แต่อาจได้สเปกและฟีเจอร์ไม่เท่ากับ Mercusys ตัวนี้เอง