สำหรับใครที่อยากได้คีย์บอร์ดน่ารัก ๆ ไว้วางบนโต๊ะ ทำงานก็ได้ เล่นเกมก็ดี แถมเสียงเงียบมาก จนไม่รบกวนรูมเมท ต้องตัวนี้เลย AULA F99 แมคคานิคอลคีย์บอร์ดสายคิ้วท์ ขนาด 99 เปอร์เซ็น ที่มาพร้อมการออกแบบให้เสียงเงียบที่สุด แต่ยังให้สัมผัสการกดที่เมามันเหมือนเดิม
AULA F99 เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก F98 ที่เราเคยเขียนรีวิวไปเมื่อครั้งก่อน จุดเด่นคือแบตอึดขึ้นกว่าเดิมมาก แถมออกแบบให้มีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นที่รับรองว่า ต้องโดนใจหลายคน ไปดูกัน
ฟีเจอร์เด่น
- เชื่อมต่อได้ 3 รูปแบบ Bluetooth , Wireless 2.4 Ghz , USB – Typec
- แบตมากถึง 8,000
- ออกแบบให้มีวัสดุ 5 ชั้น ช่วยเพิ่มความเงียบในการใช้งานขั้นสุด
- สวิทซ์เป็น LEOBOG GRAYWOOD V.3 Mechanical Switch 99 คีย์ รองรับการกด 60 ล้านครั้ง
- การเปลี่ยนเป็นแบบ HOTSWAP พร้อมแต่งได้เต็มรูปแบบ และยังสามารถเปลี่ยนเป็นสวิทซ์แบรนด์อื่นได้
- รองรับไฟ RGB 16 ล้านสี มี 16 โหมดไฟ และ 10 Music rhythm
- รองรับการใช้งานทั้ง Windows และ Mac
- Factory lubricated shaft สวิตซ์ลูปจากโรงงาน กดลื่น ๆ ไม่ต้องหนืด
- PE silencer แผ่นซับเสียง ให้เสียงการกดที่แน่น หนึบ
- ซอฟต์แวร์ปรับแต่งแบบครบครัน ปุ่ม | เอฟเฟกต์แสงไฟ | มาโคร ที่มีฟังก์ชินคลิกซ้าย/ขวาภายในตัว
- มี Auto Sleep ตัดไฟ เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 5 นาที แต่ก็ยังพร้อมให้ใช้งานตลอดเวลาเมื่อกด
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ภายในกล่อง จะมีสายเชื่อมต่อ USB Type – C อุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนสวิทซ์แบบ Hot Swap และสวิทซ์สำรองมาให้ 4 ตัว
การออกแบบ
ปุ่มควบคุม อยู่ด้านหน้าคีย์บอร์ด ซึ่งจะมีช่องที่ไว้ใส่ USB Dongle ที่มีแม่เหล็กดูด ถัดมาคือปุ่มควบคุมที่ไว้สลับใช้ระหว่าง Bluetooth การใช้สาย และ USB 2.4 สุดท้ายคือพอร์ต Type-C ไว้สำหรับชาร์จไฟและใช้งานผ่านสาย
มีการดีไซน์ให้ปุ่มมีความไล่ระดับกัน ช่วยลดความเมื่อยล้าหากต้องใช้งานยาวนาน มีโลโก้ 99 KEY อยู่ใกล้ NUMPAD เสียดายด้านข้างไม่มีเส้นไฟ RGB เหมือน F98 แต่คิดว่า F99 น่าจะพยายามให้ออกแบบให้ดูเรียบหรูมากกว่าครับ
ด้านหลัง ขาตั้งออกแบบให้มีสองชั้น เลือกใช้งานได้ตามความสูงที่เราชอบได้
การเปลี่ยนสวิทซ์
เปลี่ยนสวิทซ์แบบ Hotswap ได้ง่าย ๆ โดยใช้อุปกรณ์ที่ทางแบรนด์มีมาให้ โดยยังมีสวิทซ์สำรองให้มาถึง 4 ตัว ใช้งานได้ยาว ๆ เสียก็แค่เปลี่ยนใหม่ หรือถ้าหากใช้ไป แล้วเบื่อฟิลลิ่งเดิม ๆ ก็สามารถหาสวิทซ์แบรนด์อื่นมาใช้ได้ รองรับทั้ง Cherry , Gateron , Kailh
การใช้งาน RGB และคีย์ลัด
การเปลี่ยนไฟ RGB ใช้งานได้เหมือน ๆ กับรุ่น F98 หรือรุ่นอื่น ๆ ของ AULA ซึ่งสามารถดูตามคู่มือทีมีมาหให้ได้ โดย
กด Fn + ลูกศรชี้ขึ้น เป็นการเพิ่มความสว่าง
กด Fn + ลูกศรชี้ลง ลดความสว่าง
กด Fn + ลูกศรชี้ไปซ้าย ลดความเร็วไฟ RGB
กด Fn + ลูกศรชี้ไปขวา เพิ่มความเร็วไฟ RGB
กด Fn + \ เปลี่ยน โหมด RGB
กด Fn + Esc แล้วแช่ไว้ 3 วิ เป็นการ Reset factory
กด Fn + Tab เปลี่ยนสีไฟ ในกรณีที่ใช้โหมดไฟแบบสีเดียว
กด Fn + Shift เปลี่ยนไฟ RGB เป็นแบบ Light bar
ส่วนคีย์ลัด ที่ไว้ใช้เปลี่ยนโหมดการทำงานให้รองรับกับระบบต่าง ๆ ก็ตามภาพด้านบนเลยครับ
ฟิลลิ่งการกดที่นุ่มลึก กดมัน แต่เงียบ
F99 มีการออกแบบให้โดยเน้นความเงียบ มีการใช้วัสดุถึง 5 ชั้น ที่รองรับปุ่มกดและเพลทด้านล่าง ทำให้ได้สำผัสปุ่มกดที่เงียบสุด ๆ
Software
การใช้งาน Software จะเป็นการปรับการตั้งค่าต่าง ๆ ทั้งการปรับตั้งค่าปุ่ม การตั้งค่า Macro การตั้งรูปแบบของไฟ RGB การตั้งค่าโหมด Sleep รวมทั้งยังไว้ใช้ Reset keyboard และอัปเดตเฟิร์มแวร์ (อันนี้ต้องเสียบสายเท่านั้นนะ)
สรุป
ต้องบอกก่อนเลยว่า AULA เป็น Custom Keyboard ที่ราคาเข้าถึงง่ายกว่าแบรนด์อื่นมาก เราสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ตั้งแต่สวิตช์ ปุ่มกด เพลต เคส ไปจนถึงสาย USB ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและการใช้งานของเราได้อย่างลงตัว แถมยังมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยปรับแต่งการทำงานได้อีก ราคานี้ หาแบรนด์อื่นไม่ได้แล้ว
ระยะเวลาในการใช้งาน AULA การันตีไว้ว่า สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 53 ชั่วโมง (แบบเปิดไฟ RGB) และนานถึง 400 ชั่วโมง หากใช้งานแบบปิดไฟ และถ้าหากตั้งค่าให้ Auto sleep เร็วขึ้น เวลาการใช้งานก็จะเพิ่มมากขึ้น
สัมผัสในการกด ต้องยอมว่า AULA เค้าทำมาดีมาก ปุ่มแต่ละปุ่มได้มีการลูปมาจากโรงงานแล้ว ให้สัมผัสการกดที่ลื่น ไม่หนืดนิ้ว และยังออกแบบให้มีวัสดุโฟมที่รองรับเสียงการกด บอกได้เลยว่า นั่งพิมพ์งานกลางคืน แฟนยังหลับได้ มันเงียบมากจริง ๆ
สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ Hotswap เปลี่ยนสวิทซ์ง่าย ๆ ไม่ต้องบัดกรี มันแก้ปัญหาเดิม ๆ ได้ตรงจุด เพราะหากสวิทซ์เสียเพียงตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งคีย์บอร์ด และยังมีทางเลือกให้หันไปใช้สวิทซ์ของแบรนด์อื่นได้ด้วย ซื้อไว้ใช้แล้วจบจริง
สำหรับใครที่สนใจ สามารถรอติดตามหรือรอสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Shopee และเว็บไซต์ของ AULA โดยตรง
